หากชาติหน้ามีจริงขอให้ข้าได้มีโอกาสรักท่านและใช้ชีวิตร่วมกับท่านจนลมหายใจสุดท้ายเถิด
เมื่อชาตินี้ข้าจำต้องจากท่านไปไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะทำตามใจปรารถนา ลาก่อนน่ะ หยางเหวินอี้
“................”
“เฮ้ อ่านอะไรอยู่”
เชอเอมถามแจนไปพร้อมกับเก็บข้าวของส่วนตัวเข้ากระเป๋าตัวเอง
“ดวงใจจอมทัพ”
แจนตอบพร้อมกับชูหนังสือในมือขึ้น
“มันเป็นเรื่องประมาณไหนเห็นอ่านมาตั้งหลายวันแล้วยังไม่จบอีก”
“มันเป็นรักระหว่างสงครามที่อิงมาจากเรื่องจริงของประวัติศาสตร์จีน”
“แบบไหน”
“ก็เมียแม่ทัพคนนี้เขายอมสละชีวิตเพื่อช่วยให้สามีของตัวเองชนะสงครามไงละ”
แจนจิ้มลงไปตรงภาพหน้าปกที่เป็นใบหน้าของพระเอกในเรื่อง
“.............”
“มันก็เป็นนิยายจีนทั่วๆไปนี่แหละแต่มันซาบซึ้งใจตรงที่เมียแม่ทัพคนนี้เขาตายในอ้อมกอดของสามีโดยที่สามีของเธอไม่สามารถช่วยอะไรได้ และท่านแม่ทัพคนนี้ก็ยังครองตัวเป็นโสดไม่แต่งงานใหม่กับใครทั้งนั้นหลังจากที่เมียตัวเองตายไปแล้ว”
“แม่ทัพคนนั้นคงรักภรรยาตัวเองมากเลยเนอะถึงไม่คิดจะรักใครใหม่ กราบความคิดของคนที่เอาพล๊อตนี้มาแต่งจริงๆ”
“อืมท่านรักมั่นกับภรรยาของตัวเองมากเลยละ แต่น่าเสียดายที่ผู้ชายแบบท่านดันเหลือน้อยเหลือเกินในโลกใบนี้”
“ใช่ เหลือน้อยจริงๆ”
เชอเอมบ่นกับตัวเองเบาๆ
“ชักจะอยากเกิดเป็นภรรยาของแม่ทัพคนนี้แล้วสิ อยากลองสัมผัสความรู้สึกของชายที่มีรักมั่นแค่เราคนเดียวว่ามันจะเป็นแบบไหน มันจะฟินตัวแตกหรือสุขจนล้นจนหลายคนอิจฉารึเปล่า”
“พูดแบบนี้แสดงว่าแกกำลังเอาตัวเองไปเปรียบเทียบอยู่ล่ะสิ ทำไม? แกจับได้ว่าไอ้ชินมันมีกิ๊กอีกแล้วใช่ไหม”
“อืม”
เชอเอมพยักหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
“ฉันละไม่เข้าใจเลยว่าแกจะไปทนคบกับมันทำไม รู้ทั้งรู้ว่าไอ้ชินมันเจ้าชู้ขนาดไหน”
“ฉันแค่มีความหวังว่าสักวันชินอาจจะกลับตัวได้”
“เป็นนักว่ายน้ำเหรอถึงต้องกลับตัว น้ำหน้าอย่างไอ้ชินเนี่ยนะ ชิส์ คงต้องรอให้ตะวันขึ้นทางทิศตะวันตกก่อนนั่นแหละ”
“แกก็ว่าเกินไปยัยแจง สาวโสดอย่างแกที่ไม่เคยมีความรักไม่มีวันเข้าใจหรอก”
“ย่ะ แต่ถึงฉันคิดจะมีน่ะ ฉันก็ไม่มีวันเอาผู้ชายแบบไอ้ชินมาเป็นแฟนเด็ดขาด ยอมรับหรอกว่าหล่อ แต่นิสัยเนี่ย..........เฮ้อ”
แจงส่ายหน้าไปมาอย่างแขยง
“น่า ให้โอกาสเขาหน่อย แต่ตอนนี้แกช่วยเล่าเรื่องดวงใจจอมทัพให้ฟังหน่อยสิ ฉันอยากฟังต่อ”
“อ่านเองไหมยัยเอม”
“ก็แกเล่าสนุก”
“พระเอกของเรื่องชื่อ หยาง เหวินอี้ ส่วนนางเอกชื่อ ฟู หวี้หลาน ทั้งสองรักกันมาก แต่แล้วก็มีมือที่สามเข้ามา เธอชื่อว่า เฉิ่น ซูลี่ ท่านแม่ทัพได้เธอมาตอนที่ไปปราบกบฏที่หัวเมือง”
“พระเอกรักผู้หญิงคนนี้ด้วยเหรอถึงได้พาเข้าบ้าน”
“เปล่า แต่เพราะมีหมอดูที่ไหนก็ไม่รู้มาทักว่าดวงชะตาของพระเอกผูกพันกับผู้หญิงที่มีปานดอกกุ้ยฮวาตรงกลางหลังน่ะสิ”
“ดอกกุ้ยฮวา?”
“ใช่ ดอกกุ้ยฮวาที่เหมือนปานตรงกลางหลังของแกไงละ”
“งั้นก็แสดงว่าพระเอกในเรื่องนี้มีดวงชะตาผูกพันกับฉันนะสิ”
เชอเอมพูดไปก็หัวเราะไปอย่างไม่คิดอะไร
“ทำมาพูดเล่น เกิดเป็นจริงขึ้นมาแล้วจะพูดไม่ออก”
“ฉันหยอกหรอก อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น คนแต่งก็คงจะจินตนาการจับนู้นชนนี้ไปเรื่อย”
“แต่ก็ไม่แน่น่ะ แกลืมไปแล้วเหรอว่าเรื่องนี้อิงมาจากประวัติศาสตร์จีน”
“ไร้สาระ ฉันว่าแกเล่าต่อเหอะ กำลังสนุกเลย”
“ที่ท่านแม่ทัพพาซูลี่เข้าบ้านมันก็เป็นเพราะว่าซูลี่คนนี้ดันมีปานติดตัวมาด้วย แต่ไม่ใช่ปานดอกกุ้ยฮวาน่ะ มันเป็นปานดอกเหมยฮวาที่คล้ายกับดอกกุ้ยฮวาแถมยังอยู่ตรงหลังด้านซ้ายไม่ได้อยู่กลางหลัง”
“..............”
“แต่หยาง เหวินอี้ดันปักใจไปว่าน่าจะเป็นหญิงผู้นี้แหละที่หมอดูกล่าวถึง เพราะว่าเขาพยายามเสาะแสวงหาหญิงที่ว่ามานานแสนนาน แต่ก็ไม่สามารถหาพบ จนได้มาเจอกับซู่ลี่ที่มีลักษณะใกล้เคียงที่สุด เขาจึงจำเป็นจะต้องรับนางมาเป็นภรรยาอีกคนโดยที่ไม่ขอคำปรึกษากับฮูหยินตัวเอง มันเลยมีตอนหนึ่งที่ความสัมพันธ์ระหว่างหวี้หลานและเหวินอี้ห่างเหินกันไป และมันก็ทำให้ฉันรู้สึกสงสารนางเอกม้ากมาก เพราะตั้งแต่ซูลี่เข้ามาในบ้านทุกคนก็เหมือนจะเทใจไปให้นาง”
“ทำไม”
“ซูลี่เป็นคนฉลาดแม้รู้ว่าเหวินอี้ไม่มีใจให้ตน แต่หล่อนก็พยายามหาจังหวะที่จะทำให้คนในตระกูลหย่างเกลียดหวี้หลานร่วมทั้งเหวินอี้ด้วย หล่อนตั้งใจที่จะเข้าไปแทนที่หวี้หลานเพราะว่าหล่อนรู้ว่าฮูหยินใหญ่ของท่านแม่ทัพไม่มีปานตรงไหนบนร่างกาย และหล่อนก็ใช้มันเพื่อเรียกคะแนนความเห็นใจ”
“น่าสงสารฮูหยินจัง”
“ใช่ น่าสงสารมาก เป็นฮูหยินใหญ่แท้ๆแต่ไม่ได้รับการยอมรับเท่า ฮูหยินรองเพียงแค่ดวงชะตาของตนไม่เอื้อต่อสามี ทั้งๆที่ไม่มีใครมารับรองได้เลยว่ายัยซูลี่อะไรนั่นเป็นหญิงตามตำราจริงรึเปล่า”
“แล้วทำไมสุดท้ายนางเอกถึงยอมตายแทนพระเอกได้ล่ะ ทั้งๆที่เธอเองก็โดนกระทำหยามเกียรติขนาดนั้น แล้วยังตามเหวินอี้ไปตายในสงครามด้วย ดูย้อนแย้งชะมัด”
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้ คนเขียนไม่ได้บอกรายละเอียดไว้ เขาบอกแค่ว่า หวี้หลานได้รู้ความจริงบางอย่างจึงยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อให้สามีคงอยู่”
“แปลกที่พระเอกทำไมไม่ได้ครองรักกับซูลี่ต่อทั้งๆที่ท่านก็ดูจะโอนเอียงไปหานาง”
“นั่นสิ ทำไมกันนะ”
“...........”
“..........”
จู่ๆทั้งคู่ก็เงียบไปเฉยๆ
ปิ๊งป๊อง
??
“ขณะนี้ใกล้เวลาที่ห้องสมุดจะปิดทำการแล้ว นักศึกษาทุกท่านกรุณาเก็บสัมภาระแล้วออกจากห้องภายใน 10 นาทีค่ะ ประกาศอีกครั้งนะคะ.....”
“ว้า ไม่ได้อ่านต่อเลย แถมนิยายเรื่องนี้ยังยืมไม่ได้ด้วยสิ”
แจนบ่นออกมาอย่างแสนเสียดายจนปากยู่แทบจะติดกับจมูก
“ไม่เป็นไรหรอกแก ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาอ่านใหม่ก็ได้”
“อืม”
พูดจบแจนก็เก็บหนังสือเข้าชั้นไปอย่างเรียบร้อย
“ไปกันเถอะ”
“อืม”
เธอหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายและเดินตามเชอเอมออกไปทันทีโดยไม่ทันสังเกตว่ามีแสงประหลาดเปล่งประกายออกมาจากหนังสือเล่มนั้นวูบหนึ่งแล้วมันก็จางหายไป