สาส์นจากต่างดาว
ข้างนอกเกราะกระจกใสของยานอวกาศขนาดใหญ่นั่นคือห้วงจักรวาล และพรายดาวพร่างเป็นทิวราวหาดทรายขาวดั่งปุยสำลี ดาวระยับฉายแสงวาบวับ ไม่เคยหลับกลับตื่นตลอดเวลา ดาวเคราะห์น้อยพุ่งผ่านไปเป็นระยะท่องเที่ยวในห้วงทะเลอวกาศไกลสุดสายตา ระยะทางนำพาไปสู่อารยธรรมนี้ช่างโดดเดี่ยว อ้างว้าง คิดถึงใครคนหนึ่งจากไปไม่เคยลืมเลือนแม้ยามนิทรา หมู่ดาวมหาศาลจะเป็นเพื่อนเมื่อยามยลและยามฝันขณะท่องไปในโลกจินตนาการ
วูบหนึ่ง แสงประหลาดพุ่งพรวดผ่านไป...
“ฮุสตัน! เราตรวจจับความเคลื่อนไหวของวัตถุลึกลับ กำลังมุ่งตรงไปยังโลกด้วยความเร็วสูง”
“ไอเอสเอส วัตถุลึกลับนั้นคืออะไร อุกกาบาต ดาวเคราะห์ขนาดเล็ก หรือสิ่งใด”
“ฮุสตัน เราชี้ชัดลงไปไม่ได้ มันเคลื่อนด้วยความเร็วเหนือแสง เรดาร์ระบุไม่ได้ว่า สิ่งนั้นคืออะไร”…
ด้วยความเร็วเหนือแสงของวัตถุลึกลับประมาณ 300,000กิโลเมตรต่อวินาที เป็นการยากสถานีอวกาศ ISS โคจรลอยสูงจากพื้นโลก 400 กิโลเมตร จะตรวจสอบรูปทรงสันฐานได้ องค์การอวกาศนาซ่ามีฐานบังคับการ ณ เมือง ฮุสตัน มลรัฐ เท็กซัส สหรัฐอเมริกา จึงมีคำสั่งไปยังสถานีควบคุมภาคพื้นดิน กระจายอยู่ทุกแห่งหนของโลกกว่า 500 แห่ง และด้วยอัตราเจ้าหน้าที่ควบคุมกว่า 100,000 คน
ให้ตรวจสอบและค้นหาเจ้าสิ่งลึกลับนั้น
วัตถุลึกลับพุ่งโคจรอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของซีกโลก ในเขตเวลากลางคืน คืบคลานเข้าครอบงำ มุ่งตรงไปยังแผ่นดินมีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล นั่นคือประเทศ “มะลิแลนด์”…
กลางวันใกล้สิ้นสุด สายน้ำจากฝักบัวสาดลงมาชุ่มศีรษะมนุษย์กลางคืนอย่าง “นุชา” คุ้นชินเสียแล้วกับการทำงานตลอดราตรี และหมดสภาพอยู่บนเตียงเมื่อสุริยามาเยือน จะได้พบปะผู้คนภายนอกก็ตอนต้องส่งงานให้บริษัท เขาเป็นสถาปนิกโสดฝีมือดีและ “เหงา” แต่ก็ไม่เคยสนใจสาวคนไหนสักคน ความเหงาห่อหุ้มจิตใจมันแปลกประหลาดหากนุชาเองก็ไม่เคยขุดคุ้ยถึงมัน หรือเล่าให้คนอื่นฟัง มันยังคงพักผ่อนเงียบกริบอยู่ในหลืบเร้นลับลาง ๆ
นุชาแต่งกายด้วยชุดลำลอง รับกาแฟร้อนกับเบเกอร์รี่พลางมองลอดออกไปยังหน้าต่างกั้นระเบียงแสงสว่างก็อำลาไปแล้ว คงจะได้เวลางานหน้าคอมพิวเตอร์ แต่ยังก่อน เขาเปิดประตูออกไปยืนตรงระเบียง สูดอากาศภายนอกบ้านชานเมือง และด้วยทัศนะวิสัยปลอดโปร่งเผยให้เห็นทะเลดาวเป็นฝ้าขาวตระการตาพาให้หรรษา ชำระล้างความโดดเดี่ยวจากความฝันมาเยือนยามหลับกลางวันไปชั่วขณะ จนเขาเผลอตัวบิดเรียวปากเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ
แต่ดูเหมือนว่า ลูกไฟแห่งอาคันตุกะผู้มาเยือน สว่างวาบดิ่งลงลับหายตรงเส้นขอบฟ้า
“ดาวตกสวยจัง” นุชาอุทานในลำคอ
เขาหลับตาระคนตื่นเต้น อธิษฐานตามความเชื่อโบราณ
‘ขอให้คุณแม่กลับมาเยี่ยมผมด้วยเถอะครับ’
มันจะเป็นไปได้หรือ เขายิ้ม คิดอยู่ในใจ และขำตัวเอง แล้วกลับเข้าไปในห้อง เพียงไม่กี่ก้าวก็ไปถึงโต๊ะทำงานข้างหัวเตียง เปิดแล็บท็อป เปิดโฟเดอร์เก็บไฟล์วีดีโอสำคัญ เขาทัชแพดให้วีดีโอทำงานเล่าเรื่องราว
เป็นภาพของสุภาพสตรีในชุดผู้ป่วยนั่งอยู่บนเตียง แม้ว่าเธอจะพรายยิ้มแต่ก็ไม่สดขื่น กลับดูแย่ลงด้วยอาการเจ็บปวด เรือนผมบนศีรษะน้อยและบาง นวลแก้มตอบไร้ความชุ่มชื้น ริมฝีปากแห้งผาก และแววเศร้าคู่นั้นยังปฏิเสธไม่ได้ว่า เธอไม่เคยเป็นผู้หญิงสวยมาก่อน เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าขึ้นว่า
“สวัสดีจ๊ะลูกรัก เป็นไงบ้าง เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ แม่ต้องบังคับพ่อเขาอยู่นานทีเดียว กว่าจะถ่ายวีดีโอให้ แม่บอกพ่อว่าให้ส่งวีดีโอนี้กับลูก เมื่อแม่จากไปแล้ว พ่อคงไม่กล้าจะบอกกับลูก...ลูกฟังแม่นะ...”
เธอหยุดอยู่เป็นครู่ กำลังรวบรวมแรงพลัง และความกล้าหาญ
“แม่รู้ว่าลูกอาจจะตกใจ ใช่!...เมื่อลูกดูวีดีโอนี้ แม่ได้จากโลกนี้ไปแล้ว แม่หายหน้าไปเป็นเวลาร่วมเดือน ลูกคงจะสงสัยว่า แม่มีปัญหากับพ่อหรือเปล่า เราไม่ได้โกรธกันหรอกลูก แต่ไม่กล้าบอกกับลูก เรากลัวลูกจะเสียใจและเสียการเรียน อาชีพนักวิทยาสาสตร์อย่างแม่ก็มีโอกาสผิดพลาดได้ แต่เราทำเพื่อมวลมนุษยชาติ อย่าเสียใจนะลูก แม่คงห้ามลูกไม่ให้ร้องไห้ไม่ได้ ลูกของแม่ต้องเข้มแข็งนะ การเป็นสถาปนิกคือความฝันของลูก ต้องทำใหสำเร็จ และที่สำคัญ ลูกจงจำให้ดีนะ...”
เธอนิ่งเงียบ หัวคิ้วเริ่มเครียดเคลื่อนเข้าหากัน ดวงตาฉายแววมุ่งมั่น
“คิดก่อนพูด...หากแม่จะถามกับลูกว่า อะไรเป็นของสำคัญเมื่อเกิดเหตุ เช่น ไฟไหม้ แผ่นดินไหวหรือน้ำท่วม ลำดับไหนต้องนำคิดตัวไปก่อนและรักษาไว้ด้วยชีวิต สิ่งนั้นก็คืออัลบั้มรูปถ่ายของเราสามคน ต้องนำติดตัวไป หากว่าสูญหายหรือถูกทำลาย มันก็น่าเสียดายที่สุด เงินทองของนอกกายเรายังหาใหม่ได้ไม่ยาก แต่สิ่งที่แม่บอก ยากยิ่งนักจะทำให้มันกลับคืนมาอีกได้ จำไว้นะ แม่รักลูก”
“ไม่ลืมหรอกครับแม่ ผมดูวีดีโอนี้ตั้งพันครั้ง จะลืมได้ยังไง”
นุชาวางปลายคางบนหลังฝ่ามือ พรายยิ้มฝังกลบตนเองอยู่ในความสุข เมื่อได้ดูคลิปวีดีโอนี้ทุกครั้ง
แต่ในระหว่างเคลิบเคลิ้มอยู่นั้น เสียงแจ้งเตือนเฟซบุ๊คก็ดังขึ้นจนห้วงความสุขขาดสะบั้น ใครคนหนึ่งแชทข้อความเข้ามาหา
“ใครกันนะ” นุชาพึมพำอย่างหัวเสีย แต่ก็พยายามรักษามารยาท จิ้มแป้นพิมพ์กล่าวทักทายก่อนถามว่า
‘ใครครับเนี่ย’
‘ฉัน คริส คุณนุชา ไม่ต้องแปลกใจนะว่า ฉันแฮ็กเข้าไปในเฟซบุ๊คของคุณได้ยังไง การตั้งค่าปิดกั้นบุคคลผู้ไม่ใช่เพื่อนไม่ให้ติดต่อสื่อสารกับคุณมันเป็นเรื่องง่ายมาก แต่อย่าห่วงเลย ฉันไม่แตะต้องข้อมูลส่วนตัวของคุณ คริ คริ”
หนอยแน่ ทำตัวเป็นแฮ็กเกอร์อวดเก่ง ข้อมูลโปรไฟล์ก็ไม่มีเป็นอวตาร ต้องต่อว่าให้เสียคน นุชาคิดพลางโมโหเคาะแป้นพิมพ์ว่า
‘คุณละเมิดสิทธิส่วนบุคคล อย่างนี้เขาเรียกว่าอาชญากรทางดิจิทัล ความละอายแก่ใจรู้จักไหม คุณคริส’
ชายหนุ่มกัดฟันรอ
‘จุ๊ จุ๊ จุ๊ อย่าอารมณ์เสียสิคะ ฉันไม่มีเจตนาร้ายกับคุณสักกะหน่อย แต่ฉันไม่มีเวลาจะต่อล้อต่อเถียงกับคุณมากนัก ฉันไม่ได้มาเพียงลำพัง...”
ชายหนุ่มแปลกใจ ผู้บุกรุกพิมพ์ตอบกลับมาไวมาก ราวกับสื่อสารด้วยคำพูด
‘ฉันขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ เจ้าหญิงโซเฟีย’
แค่คนเดียวก็ทำเอาปวดหัวหนึบ นุชาคิด นี่มีอีกคนแถมเป็นเจ้าหญิงอีก
เขาโพล่งออกไปหน้าแล็ปท็อปว่า “ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะที่คุณจะมาล้อเล่น” แล้ววางปลายนิ้วเตรียมพิมพ์ข้อความ แต่ทว่า
‘นุชา! ฉันเจ้าหญิงโซเฟีย’ ข้อความแนะนำตัวทำให้ชายหนุ่มหยุดชะงัก
สมองชายหนุ่มประมวลผลจากข้อความแล้วว่า มีผู้บุกรุกสองคน เพราะข้อความบ่งบอกถึงบุคลิกภาพ ใบหน้าชายหนุ่มเริ่มร้อนผ่าวขึ้นทันที
‘นี่คุณสองคน เล่นตลกอะไรกัน พวกคุณเป็นใคร’
‘เดี๋ยวนะ ฉันขอแทรกตรงนี้หน่อย คุณควรจะมีมารยาทกับเจ้าหญิง พระองค์ทรงตั้งพระทัย มาเยี่ยมคุณโดยเฉพาะ คุณอยากรู้ใช่ไหมว่าเราเป็นใคร เราเป็นชาวดาวแกมมา อยู่ไกลจากโลกมนุษย์ถึงสองพันปีแสง ยานอวกาศของเราจอดสนิทอยู่สูงขึ้นไปจากบ้านพักคุณห้าร้อยเมตร รับรองได้ว่า องค์การอวกาศนาซ่าไม่มีวันตรวจพบ ยานของเราหุ้มด้วยเกราะพลาสมาทำให้มองไม่เห็น คุณคงสงสัย ใช่!...เราเป็นผู้มาจากต่างดาว’
คำชี้แจงของคริสทำเอานุชา ปล่อยขำก๊ากใหญ่ออกไป คงจะมีเด็กไร้เดียงสาเท่านั้นหลงเชื่อ
‘ฉันรู้นะว่า คุณกำลังหัวเราะเยาะเรา ไม่มีมารยาทจริง ๆ ‘
“อื๋ย! รู้ได้ไงวะ” เอาละ ชายหนุ่มจะลองคล้อยตามมนุษย์ต่างดาว จะใช่หรือไม่นี้ มีจุดประสงค์อะไร
‘คุณมีธุระอะไรก็ว่ามา’ เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ จ้องมองจอแล็ปท็อป
‘อย่าถือสาคริสนางกำนัลของฉันเลยนะนุชา สิ่งที่คริสบอกกับเธอ อาจสร้างความประหลาดใจให้กับเธอ เทคโนโลยี่ของดาวแกมมามีวิวัฒนาการก้าวไปไกลจากโลกสามมิติมาก ดาวแกมมาเป็นดินแดนแห่งสี่มิติ สิ่งที่เราเห็นแตกต่างจากชาวโลกมองเห็นอย่างมากทีเดียว ตรงนี้สำคัญมากเธออาจตกใจ ฉันจะบอกว่า ฉันคือแม่ของเธอ!’
“แม่เหรอ!” นุชาอุทานเสียงเข้ม “หนอยแน่ โกหกกันต่อหน้าชัด ๆ เลยนี่เจ้าหญิง”
ชายหนุ่มพิมพ์ข้อความอย่างเคืองขุ่นตอบโต้ไปว่า
‘ผมว่าคุณจะเล่นแรงไปแล้วนะ แม่ผมเสียชีวิตไปนานแล้ว’
‘ใจเย็น ๆ ก่อนนุชา ฉันไม่ได้กลั่นแกล้งอะไรอย่างที่เธอว่า จริง...แม่เสียชีวิตแล้ว แต่ไปเกิดใหม่ยังดาวแกมมา!’
‘อย่ามาหลอกกันดีกว่า ผมไม่เชื่อเรื่องเหลวไหลอย่างนี้หรอก’
‘เธอไม่เชื่อ ฉันเข้าใจ แต่ต้องทำใจอ่านหน่อยนะ สสารย่อมมีการสูญสลายคงไว้แต่พลังงานเท่านั้น ที่ไม่สูญหาย เพราะว่าพลังงานเกิดขึ้นจากสสารที่หายไป ร่างกายมนุษย์คือสสาร เมื่อแตกสลายไปก็จะเกิดสิ่งใหม่ เรียกว่าพลังงานหรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นอนุภาคพื้นฐาน มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เช่น อิเล็คตรอน ลักษณะเป็นคลื่น พลังงานที่ว่านี้เมื่อจะไปในที่ควรไปจะถูกพลังงานในมิติกาลเวลาแตกต่างกัน ลดคุณสมบัติบางอย่างออกไป นั่นคือความทรงจำจะถูกลบโดยอัตโนมัติ แต่ในกรณีของแม่เกิดความผิดพลาดในระบบลบความทรงจำ ลองคิดดูสิว่า เมื่อเราต้องเปลี่ยนสถานะใหม่เพื่อรับกับประสบการณ์ใหม่แต่ความทรงจำเก่าตามติดมาด้วย ชีวิตจะสมบูรณ์ได้อย่างไร’
นุชากุมขมับทั้งสองข้างกำลังเต้นตุ๊บ ๆ ก่อนคลายมือลงไปพิมพ์ ‘โอ๊ย! อะไรกันเนี่ย งงไปหมดแล้ว’
‘มันเป็นวิทยาศาสตร์น่ะ เข้าใจไม่ยากหรอก เพียงแต่มันเป็นความรู้ซึ่งมนุษย์ยังเข้าไม่ถึง มันไม่ยุติธรรมใช่ไหม เมื่อสิ่งเหล่านี้ติดตามแม่มา ทำไมแม่ถึงไม่มีชีวิตเป็นปกติเหมือนชาวแกมมา แม่ไปแห่งใหม่พร้อมกับความทรงจำเก่ามันผุดพรายขึ้นเมื่อลมหายใจแรก เริ่มชักใยชีวิต แต่ในใจจริง ๆ แล้ว แม่ยินดีรับในสิ่งซึ่งไม่ยุติธรรม เพราะสิ่งนี้คือบันทึกแห่งความสุขของเรา ควรค่าแก่การรักษาไว้ให้ยาวนาน’
ชายหนุ่มเหยียดริมฝีปากพลางพิมพ์ ‘อ่านดูแล้ว ซึ้งเน๊อะ’ เขาหัวเราะในลำคอ ไม่เชื่อว่าเป็นความจริง
‘ฉันรู้นะว่า คุณคิดอะไรอยู่ ดื้อรั้นไม่ใช่เล่นเลยนะคุณ’
นุชาเลิกคิ้ว สำนวนนี้ต้องเป็นยายคริสแน่ เธอรู้สิ่งที่อยู่ในหัวเขาได้ยังไง
‘ผมอยากรู้วัตถุประสงค์จริง ๆ ของคุณ’
‘เพื่อส่งสาส์นของแม่ให้ถึงลูก เพื่อให้ลูกรู้ว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่’
ปลายนิ้วเขาขยับถามแกมรำพึง ‘ส่งสาส์นเหรอ!’
‘ใช่!...ก่อนอื่นแม่ต้องอธิบายเทคโนโลยี่ในการสื่อสารของดาวแกมมา เสียงของแม่ที่ลูกได้ยิน ส่งโดยตรงมาจากดาวแกมมารวมทั้งแบบจำลองทางกายภาพ เป็นสำเนาของตัวแม่เอง สามารถสัมผัสจับต้องได้ กระบวนการในการส่งข้อมูลจะเริ่มจาก แม่ส่งไฟล์ข้อมูลเสียงและแบบจำลอง โดยข้อมูลทั้งสองจะต้องผ่านเครื่องแปลงสัญญาณซึ่งเป็นชุดนักบินอวกาศของคริส ส่งให้ผู้รับสาส์นทราบรายละเอียด ดังนั้นในการเดินทางมีเพียงคริสผู้เดียวไปถึงมะลิแลนด์’
‘ทำไมล่ะ’ เขาพิมพ์ถามเร็ว หลงเคลิ้มเอาว่า เจ้าหญิงโซเฟียเป็นมารดาของเขาจริง ๆ
‘ฉันจะบอกกับคุณให้รู้ไว้นะ...’
ชายหนุ่มรู้ว่าเป็นคริส
‘..................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ติดตามอ่านได้ในชุดรวมเล่มครับ