ตอนนี้ความงงหายไปแล้ว ความหยิ่งเข้ามาแทนที่ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ลุกขึ้นยืนก่อนจะก้มลงเท้ามือทั้งสองกับโต๊ะและก้มลงสบตากับฝ่ายตรงข้าม ด้วยท่านั้นตาที่ส่งประกายแวววาวด้วยความทระนงและอารมณ์โกรธแค้น ปากอิ่มและร่องอกอวบขาวอล่องฉ่องอยู่ห่างจากใบหน้าที่แหงนเงยของเขาแค่คืบ สมาธิกล้าแกร่งของเวหาถึงกับแกว่งไกวไขว้เขวไปกับภาพนั้น ผู้หญิงคนนี้ทั้งยั่วยวนกวนทั้งโทสะและราคะ ถ้านี่ไม่ใช่ห้องทำงานล่ะก็...จินตนาการของชายหนุ่มตื่นเพริด แต่ยังควบคุมร่างกายไว้ได้
“สารเลวชาติชั่ว ไร้คุณธรรม ต่ำช้า” หล่อนแค่นเสียงเน้นทุกคำพูดใส่หน้าเขาอย่างสุดเดือด เขาลุกขึ้นยืนท่าเดียวกัน ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวของอีกฝ่าย
“เท่าไหร่” เขาถามลอดไรฟันอีกครั้ง เรียนรู้จากประสบการณ์ว่าของทุกอย่างและคนทุกคนมีราคาซื้อหาได้ทั้งนั้น
ยิหวายิ้มเยาะ “ฉันไม่ขายความจริง แต่จะเก็บไว้แจกจ่ายให้รู้กันทั่วๆ”
ประโยคหลังของหล่อนทำให้เวหาหมดความอดทน เขาละมือทั้งสองข้างจากโต๊ะมาคว้าแขนทั้งสองข้างของหล่อนบีบอย่างข่มขู่ “พูดอย่างนี้ฉันถือว่าเธอสละสิทธิ์ค่าปิดปาก ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ถ้าเรื่องวันนี้หลุดไปเข้าหูสื่อจนเป็นข่าวเมื่อไหร่ เตรียมขึ้นศาลคดีหมิ่นประมาทได้เลย บอกไว้ก่อนเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”
พูดจบเขาสะบัดหน้าเป็นเชิงไล่ ทำท่าจะผลักหล่อนออกไปห่างๆ แต่ประตูห้องทำงานเปิดออกเสียก่อนโดยไม่มีการเคาะพร้อมกับเสียงหญิงสาวนางหนึ่งพูดกับเลขาหน้าห้องของเขาด้วยน้ำเสียงโอ้อวดไร้ยางอาย
“โธ่ คุณศรี ห้องนอนของฟ้าบี๋ยังเคยไปมาแล้ว แค่เข้าไปหาในห้องทำงานโดยไม่นัดล่วงหน้าเขาไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ”
ลลนาเป็นผู้หญิงพันธุ์ปลิง ดูดติดแล้วกัดไม่ปล่อย ตามตื๊อไม่ยอมเลิกรา เป็นความน่ารำคาญอย่างที่สุดของที่สุดสำหรับเวหา พอได้ยินเสียงหล่อนเข้าเท่านั้น ชายหนุ่มตัดสินใจฉับพลัน พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส มือที่ยังกุมไหล่ของยิหวาเปลี่ยนท่าจากที่จะผลักไปห่างๆเป็นลากตัวหล่อนข้ามโต๊ะมานอนพาดอยู่บนตักเขาในพริบตา เอกสารและข้าวของบนโต๊ะหล่นกระจัดกระจาย และเพียงอึดใจจากนั้นปากกระด้างก็ตามมาประกบปากแดงฉ่ำ ปากสองคู่ที่เพิ่งพ่นวาจาเผ็ดร้อนยิ่งกว่าลาวาภูเขาไฟใส่กันผนึกแน่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ฝ่ายชายจะเป็นฝ่ายเริ่มบดเบียดทั้งปากทั้งตัวกับฝ่ายหญิงในอาการอันเร่าร้อนหลงใหลจนไม่รับรู้ถึงการมาของแขกที่ไม่ได้นัดหมาย