เท้าหนาก้าวเดินออกมาจากหลังม่าน เผยให้เห็นเส้นขนมากมายตามลำตัวและใบหน้า ร่างกายใหญ่ยักษ์ราวกับอสูรรายและใบหน้าราวกับสัตว์นักล่าบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าเขาแปลกแยกอย่างสิ้นเชิง นอกจากใบหน้าราวกับอสูรที่หลุดออกมานิทานปรำปราแล้วเขายังมีกรงเล็บแหลมคม เพียงแค่โดนสะกิดเบาๆ ก็เลือดซึมเป็นอาวุธที่คอยฆ่าฟันคนที่บังอาจมาขัดความต้องการของเขา
มันเป็น…คำสาป
ตระกูลควอสตัน เป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงมาตั้งแต่อดีตกาล แต่ด้วยทายาทรุ่นหนึ่งของตระกูลไปท้าทายอำนาจแม่มดร้ายตนหนึ่งเข้าเลยถูกคำสาปให้ทายาททุกรุ่นของตระกูลเป็นอสูรกายน่าเกลียดน่ากลัวในยามที่แสงตะวันสาดส่อง หากแต่ยามค่ำคืนกลับกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ปรารถนาแต่ร่างกายของหญิงสาว จนกว่าจะมีหญิงที่รักจริงบอกรักด้วยความเต็มใจก่อนระฆังจะดังในเวลาเที่ยงคืนเมื่ออายุครบสี่สิบปีบริบูรณ์ ไม่เช่นนั้นแล้วทายาทผู้นั้นจะกลายเป็นอสูรร้ายไปตลอดกาล
…เหมือนจะเป็นนิทานกล่อมเด็ก แต่มันคือเรื่องจริง!!
จวบจนมาถึงปัจจุบัน ไม่มีทายาทควอสตันคนใดที่สามารถแก้คำสาปร้ายนี้ได้สักคน ทันทีที่หญิงสาวที่ให้กำเนิดทายาทรู้ความจริงก็ต่างหนีหายหรือฆ่าตัวตาย เพราะไม่สามารถรับได้กับสภาพของผู้เป็นสามีและไม่อาจจะทนเห็นหน้าลูกที่ไม่ต่างจากปีศาจร้าย…
ไกลออกจากด้านหลังคฤหาสน์หลังงามคือป่ารกทึบ ต่างเล่าขานกันว่ามันคือที่อยู่สุดท้ายในบั้นปลายชีวิตของเหล่าอสูรที่อาภัพรักแต่ที่ไม่มีใครรู้คือสัญชาตญาณดิบจะถูกส่งต่อไปยังลูกหลานเพิ่มมากขึ้น จนยากที่จะควบคุมอารมณ์และความต้องการในการขยายเผ่าพันธุ์!!
พล็อก!!
“อื้อ!!” ด้วยอาวุธร้ายที่ใหญ่เกินมนุษย์มนา ทันทีที่ถอนออกจึงเกิดเสียงดังพร้อมกับเชื้อพันธุ์อสูรร้ายที่ไหลตามปะปนมากับน้ำหวานและรอยเลือดจางๆ
“อ่า… ยิ่งสูดดมร่างกายเธอ ฉันก็ยิ่งเสพติด” จมูกหนาไล้สูดดมไปตามลำคอระหงส์ก่อนจะจบลงด้วยการจูบปากคนที่ไม่ได้สติ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น คว้าเสื้อคลุมสีดำมาสวมทับแล้วช้อนร่างบางมาไว้ในอ้อมแขน ทันทีที่เดินออกมาจากห้อง หัวหน้าพ่อบ้านโทมัสที่ยืนรอรับคำสั่งก็ค้อมศีรษะให้เล็กน้อย ด้านหลังของพ่อบ้านวัยหกสิบปีมีสาวใช้สองสามคนยืนค้อมศีรษะอยู่เพื่อรอรับคำสั่งเช่นกัน “จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยภายในสามสิบนาที”