ตะกร้าว่าง
“ลุงเบี้ยวพายเรือขายกาแฟโบราณ ขายตั้งแต่ตัวเองยังไม่บวชพระ กระทั่งหลานชายคนเล็กบวชแกก็ยังขาย อยู่มาวันหนึ่ง…ป้าจิ๋มเมียแกอยากกินกุ้งเผา ลุงเบี้ยวจึงแวะตกกุ้งมาฝากเมีย ตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง 1 ทุ่มไม่ได้กุ้งสักตัว ลุงเบี้ยวหมดแรงเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน จู่ๆ คันเบ็ดอันสุดท้ายดันโก่งขึ้นมา!”
รัตนาเล่าเรื่องราวได้สนุกมาก พวกเราอยากรู้ว่าป้าจิ๋มจะได้กินกุ้งไหม
“ลุงเบี้ยวเห็นคันเบ็ดโก่งงอแทบหัก แกทิ้งข้าวของกระโจนเข้าใส่ทันที ไม่เคยเห็นการกินเหยื่อรุนแรงขนาดนี้ ต้องเป็นกุ้งตัวใหญ่เท่าฝ่ามือแน่นอน ว่าแล้วจึงจ้วงสวิงลงไปช้อนกุ้งใต้น้ำ ก่อนใช้สองมือฉุดกระชากขึ้นมาบนฝั่ง เย่อกันไปเย่อกันมาร่วมสิบห้านาที ลุงเบี้ยวยกสวิงขึ้นมาจากน้ำไม่ได้เสียที”
คนเล่าเรื่องหยุดดมยาดมเล็กน้อย ทรงเดชกับอำนาจช่วยกับเสียบคนละรูจมูก ผมแอบคิดตามจนคิ้วขมวดเป็นเลขแปด ป้าจิ๋มได้กินโค-ตะ-ระกุ้งแน่เลย
“ลุงเบี้ยวเปิดก๊อกสองแล้วดึงพรวด เรือเริ่มเอียงน้ำไหลเข้าทางกราบขวา สวิงของแกพ้นน้ำเพียงหน่อยเดียว เห็นอะไรไม่รู้สีดำติดสวิงขึ้นมา แกชะโงกหัวเข้าใกล้เพื่อจ้องมอง ไม่น่าเชื่อ! ที่เห็นดำๆ นั่นคือเส้นผมผู้ชาย ถัดไปหน่อยเดียวเป็นใบหน้าขาวซีด เจ้าของผมอ้าปากกว้างดวงตาเบิ่งโตจ้องหน้าลุงเบี้ยว”
“เย้ย!”
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้ชาย ผมนั่งตัวสั่นกอดกะละมังใส่กุ้งแทบแตก พูดจาภาษามนุษย์ไม่ได้ ขยับเนื้อขยับตัวไม่ไหว ลุงเบี้ยวไม่ใช่ผีเหมือนที่รัตนาพูด แต่ลุงเบี้ยวตกกุ้งได้ผีหน้าตาเฉย ครั้นพอสติหวนกลับกลับคืนสู่ร่างกาย จึงได้พบว่ายอดชายทรงเดชคนปากเก่ง นั่งตัวสั่นราวกับลูกนกตกน้ำอยู่ใกล้กัน
คุกกี้ช่วยให้เราสามารถให้บริการจากเราได้ คุณควรยินยอมเปิดใช้งานคุกกี้