ตะกร้าว่าง
นับเป็นเวลาหลายแสนปีมาแล้วที่มนุษย์เราต้องเสียชีวิตและทนทุกข์ทรมานกับโรคติดเชื้อต่าง ๆ โดยไม่รู้ว่า อะไรคือสาเหตุของการป่วยเหล่านั้น แต่การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นขึ้นประมาณ 250 ปีก่อน
เมื่อมนุษย์มีเครื่องมือใหม่ที่เรียกว่ากล้องจุลทรรศน์ มนุษย์จึงเรียนรู้ว่า บนโลกใบนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่มีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ปัจจุบันเราเรียกสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เหล่านั้นว่า "จุลินทรีย์" เริ่มแรกทีเดียวแทบไม่มีใครเชื่อว่า สิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กจนตาเปล่ามองไม่เห็นนั้นจะทำให้มนุษย์ที่มีขนาดใหญ่กว่ามากเจ็บป่วยได้
วงการแพทย์ใช้เวลาอยู่มากกว่า 100 ปี กว่าจะยอมรับว่า จุลินทรีย์เป็นสาเหตุสำคัญของการความเจ็บป่วยต่าง ๆ จากนั้นอีกประมาณ 50 ปี มนุษย์ก็ค้นพบยาปฏิชีวนะ ทำให้มีอาวุธที่จะต่อสู้กับเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคเหล่านี้ ในขณะที่ปัญหาโรคติดเชื้อของมนุษย์ลดลงเรื่อย ๆ ก็เกิดโรคใหม่ ๆ ที่เป็นปัญหาขึ้นมาแทนที่ ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคภูมิแพ้ หอบหืด แพ้อากาศ ผื่นแพ้ผิวหนัง แพ้อาหารต่าง ๆ รวมไปถึงโรคลำไส้อักเสบ เราเรียกโรคใหม่ ๆ เหล่านี้รวมกันว่า "โรคไม่ติดต่อ" ยิ่งประเทศที่มีเศรษฐานะและการสาธารณสุขดีขึ้น กลับยิ่งเหมือนว่าโรคเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นตาม
คำถามหนึ่งที่น่าสนใจจึงเกิดขึ้นว่า ทั้ง 2 สิ่งนี้เกี่ยวข้องกันไหม ความรวยและความสะอาดของประเทศมีผลให้โรคต่างๆเหล่านี้เพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ ? หมอและนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีการทดลองนำไข่พยาธิและอุจจาระมารักษาผู้ป่วย
คุกกี้ช่วยให้เราสามารถให้บริการจากเราได้ คุณควรยินยอมเปิดใช้งานคุกกี้