ตะกร้าว่าง
และนี่คือเรื่องราวของพระนางเมอริตาเตน ผู้ต้องคำสาปจากฟาโรห์อาเมนโฮเทปที่ 4 หรือที่รู้จักกันในพระนามอาเคนาเตน แห่งจักรวรรดิอียิปต์ ในราชวงศ์ที่ 18 ยุคทองซึ่งนักโบราณคดีทั่วโลกต่างเรียกยุคนี้ว่า ยุคจักรวรรดิใหม่ซึ่งเป็นยุคทองที่อียิปต์รุ่งเรืองและมั่งคั่ง นับจกราชวงศ์ที่ 18 จนถึงราชวงศ์ที่ 20
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่กล้าลุกขึ้นมาปฏิรูปศาสนาให้ประชาชนหันมานับถือเทพเจ้าเพียงองค์เดียว นั้นก็คือเทพอาเตน ทรงรวบอำนาจแบบเบ็ดเสร็จชนิดเผด็จการให้อยู่กับพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้น เจตนาเพื่อล้มล้างอำนาจของนักบวชจากคาร์นัคที่นับวันมีอำนาจล้นเหลือที่กษัตริย์มิอาจต้านทานหรือต่อรองได้ในบางกรณี ทุกสิ่งต้องผ่านพระองค์เท่านั้น จึงทรงเป็นนักบวชซึ่งเป็นสังฆราชไปพร้อมๆ กัน จนพระองค์ถูกมองว่าเป็นฟาโรห์นอกรีต ผู้คนในยุคสมัยนั้นล้วนแล้วแต่เคียดแค้นและชิงชังกษัตริย์ของตนอย่างยิ่งยวด เป็นที่น่าเสียดายว่าแนวคิดของพระองค์ดังกล่าวไม่เป็นที่ยอมรับของนักบวชและประชาชนชาวอียิปต์ แต่ในยุคปัจจุบันวงการโบราณคดีต่างนับถือความคิดอันล้ำหน้าของพระองค์ที่กล้าเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ระดับมหากาฬเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีเรื่องอันลึกลับและเต็มไปด้วยปริศนาอันมากมายได้เกิดขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ที่เต็มไปด้วยเงื่อนงำ ไม่ว่าจะเป็นราชินีโฉมงาม พระนางเนเฟอร์ตีติ ซึ่งถูกยกย่องว่าทรงเป็นราชินีที่งดงามมากที่สุดในโลกของยุคโบราณในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความเร้นลับแอบแฝงและเงื่อนงำที่ซับซ้อน ชวนให้น่าปวดหัวและต้องขบคิดแตกประเด็นไปต่างๆ นานาเลยทีเดียว และหนึ่งในเรื่องราวที่ถูกปกปิดอย่างลึกลับให้สูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์นอกเหนือจาก ปริศนาการหายสาปสูญของฟาโรห์สเมนคาเร ซึ่งเป็นฟาโรห์ที่ลึกลับที่สุดในราชวงศ์ที่ 18 นั้นก็คือ พระบัญชาอันโหดร้ายที่ทำให้พระราชธิดาองค์โต พระนามว่าเมอริตาเตน หรือมาเคราเตน มเหสีผู้เป็นที่รักของฟาโรห์ สเมนคาเร ต้องพบกับจุดจบและได้รับความทุกข์ทรมานทั้งก่อนตายและหลังความตายอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดคาดคิด
“มันผู้ใดบังอาจลบหลู่ข้า มันผู้นั้นจะต้องถึงกาลวิบัติทุกคน!”
คุกกี้ช่วยให้เราสามารถให้บริการจากเราได้ คุณควรยินยอมเปิดใช้งานคุกกี้