ตะกร้าว่าง
“ขึ้นรถ” ไร้เสียงตอบรับจากคนอย่างฉันนอกเหนือจากได้ยินปลายเท้าก็รีบสาวก้าวเร่งความเร็วให้ถี่ขึ้นเพื่อจะได้หลุดพ้นจากเขาเสียที การเดินเหยียบฟุตบาทที่ข้างตัวมีเลกซัสสีดำคันหรูแนบข้างเคลื่อนไปด้วยมันไม่ดีนักหรอกนอกจากเรียกสายตาจากคนหมู่มากให้เข้ามามองจากนั้นคนพวกนั้นก็ซุบซิบกันเม้าท์สนุกปาก
“ทำไมดื้อวะ บอกให้ขึ้นรถร้อนตายห่าอยู่แล้วอยากดำหรือไง” เสี้ยวนาทีใบหน้าฉันเหวี่ยงไปมองผู้ชายที่ลดกระจกรถลงทำคิ้วขมวดหัวเสีย จมูกโด่งยิ่งกว่าสันเขื่อนนั้นอยากทุบออกชิบหายเมื่อเจอนัยน์ตาคมตวัดแลมองเหมือนกำลังจะลงมาบีบคอฆ่าให้ตาย “ขึ้นมาเดี๋ยวไม่สบาย อยากแดกยาหรือไง”
“จะไปไหนก็ไป”
“น้ำตาล” พอเขาเค้นเสียงต่ำสื่อบอกว่าความอดทนกำลังจะหมดแล้วแค่นี้ทุกอย่างก็หยุดชะงักแม้แต่ตัวฉันเองก่อนที่จะหันหน้าเข้าไปเผชิญกับคนที่อยู่บนรถ จะไม่เป็นอะไรเลยถ้าไม่ขยี้ จะไม่เป็นอะไรเลยถ้าเขาไม่เป็นชนวนของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้เมื่อก่อนหน้า “อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่”
“หึ... งั้นก็ฝากไปตบอีนั่นคืนด้วย” พูดเสร็จก็เอียงอีกซีกใบหน้าให้ดูจากนั้นก็ยิ้มเหยียดให้ไอ้คนที่อยู่ในรถเพราะคงยังไม่เห็นหรอก “แหกหูแหกตาดูด้วยว่าที่มันฟ้องย้อนแย้งกับสิ่งที่ทำแค่ไหน”
“จะทำให้โอเคมั้ยแต่ตอนนี้ขึ้นมาได้แล้วมีโอริโอ้ปั่นอยู่ในรถพร้อมแอร์เย็นฉ่ำรอแล้วนะเพียงแค่ก้าวขึ้นมา”
“ง้อเหรอ คนอย่าง สายฟ้า รัตติกาล อักษรสิทธิ ใช้คำว่าง้อกับคนอื่นเป็นด้วย”
“เออง้อ ได้ยินแล้วจะขึ้นรถได้ยัง”
คุกกี้ช่วยให้เราสามารถให้บริการจากเราได้ คุณควรยินยอมเปิดใช้งานคุกกี้